• รีวิว Honda Click 150i ใหม่ สปอร์ต AT แบบ 1st Impression ทดสอบภารกิจทุกรูปการเดินทาง กับ Top Speed 120+

    12/07/2018


    เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมาทาง A.P. Honda ได้จัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนสายออนไลน์ มาร่วมทริป SupremacyTest เพื่อทดสอบรถสปอร์ต AT คันล่าสุดของค่ายปีกนก กับการ รีวิว Honda Click 150i ใหม่ กันถึงแดนเมืองเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ โดยทีมงาน MotoRival เราก็ไม่พลาดทำภารกิจ ในทริปนี้



    ที่จริงแล้ว 2018 Honda Click ใหม่ มาด้วยกันทั้งสิ้น 2 รุ่น คือ Click 150i และ Click 125i ซึ่งในทริปนี้ จะมีเพียง Click 150i เท่านั้น ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของน้องคลิ๊กโฉมใหม่



    สำหรับเส้นทางการทำภารกิจในทริปนี้นั้น แม้จะไม่ได้ ขี่กันเป็นระยะทางไกลมากนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นทริปทดสอบที่เรียกได้ว่ามีครบทุกรูปแบบการเดินทาง ตั้งแต่การขี่ ขึ้น-ลง เขา อย่าง พระธาตุดอยสุเทพ, การจราจรที่ติดขัดในเมืองย่านนิมมาน, รวมไปถึงการทดสอบเส้นทาง High Speed รวมถึงโค้ง Hispeed บนเส้นเลียบคลองชลประทาน ด้วย เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอพาทุกคนมาพบกับ รีวิว Honda




    สำหรับดีไซน์โดยรวมของตัว 2018 Click 150i นั้น ถูกปรับเส้นสายใหม่ให้มีความโค้งมนมากขึ้นแต่ก็ยังคงความโฉบเฉี่ยวไว้อย่างครบถ้วนตั้งแต่หัวจรดท้าย




    ชุดกรอบโคมไฟด้านหน้าเป็นแบบ LED ที่ถูกตัดขอบให้เห็นสัดส่วนได้ชัดเจน โดยครึ่งแบ่งโคมด้านนอกจะเป็นที่อยู่ของหลอดไฟต่ำ (เปิดติดตลอดเวลา) และครึ่งตรงกลางเป็นที่อยู่ของไฟสูง




    ด้านตัวแถบไฟเลี้ยวก็ถูกแยกออกไปราวกับได้รับแรงบันดาลใจมาจากพี่น้องร่วมค่าย CBR250RR




    ส่วนกาบด้านข้างไล่ไปจนช่วงท้ายตัวรถก็มีการปรับทรงให้เพรียวบางและรับกับช่วงหน้าตัวรถมากขึ้น




    ในขณะที่ตัวไฟท้ายเป็นแบบ LED ก็มีการปรับหน้าตาใหม่เล็กน้อย ให้เปลี่ยนไปเป็นโคมไฟเบรกเต็มดวง แล้วย้ายชุดไฟเลี้ยวออกมาเป็นแบบก้านเหมือนกับมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ทั้งหลาย พร้อมกันนั้นตัวบังโคลนยังสามารถถอดทำท้ายสั้นได้ หากเพื่อนๆคนไหนอยากได้ฟีลซิ่งๆหน่อยก็สามารถทำเองได้ทันที




    ท่อไอเสียปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น แต่ดูๆแล้วก็คล้ายๆกับ CBR150R และ Supra GTR150 ของ Honda อินโดนีเซียอยู่ไม่น้อย



    จุดเด่นสำคัญอีกอย่างก็คือชุดมาตรวัดของ 2018 Click ที่ถูกปรับรายละเอียดใหม่ทั้งหมดให้เป็นแบบฟูลดิจิตอล และแสดงผลให้ครบครันมากกว่าเดิม ทั้งความเร็ว, ระดับน้ำมันคงเหลือ, อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย, อัตราบริโภคน้ำมันแบบ Real-Time, เวลา, ระยะทางรวม, ระยะทางทริป A/B, แรงดันไฟแบตเตอรี่, แจ้งเตือนระดับไฟแบตเตอรี่, แจ้งเตือนรอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง มีปุ่ม Set และ Select ที่ทางด้านล่างจอมาตรวัด




    มองลงมาด้านล่างอีกนิดก็จะเห็นชุดตัวบิดเพื่อเปิด-ปิดระบบตัวรถ พร้อมด้วยช่่องใส่ของที่มีความลึกพอประมาณวาง กระเป๋าสตางค์ หรือโทรศัพท์ได้ แต่เราไม่แนะนำเท่าไหร่นัก เพราะไม่ปลอดภัยจากความเสี่ยงที่อาจจะตกพื้นได้ทุกเมื่อหากขับไปเจอหลุมกระแทก จนของอาจเด้งกระเด็นออกมา




    เจ้าลูกบิดชุดนี้จะทำงานคู่กับระบบกุญเจ Keyless ที่ทาง Honda จัดมาให้เป็นออพชั่นพื้นฐานในรุ่น Click 150i นี้ โดยปุ่มบนใช้กดเพื่อเรียกหารถ, ปุ่มด้านล่าง เป็นสัญญาณกันขโมย




    การทำงานของระบบ Keyless นี้จะแตกต่างกับของ PCX อยู่โดยสิ้นเชิง เมื่อกุญแจอยู่ในรัศมีตัวรถ ผู้ใช้จะต้องกดสวิทสตาร์ทที่อยู่ทางประกับด้านขวาก่อนหนึ่งครั้ง ซึ่งจะมีเสียงบี๊บดังขึ้น และสัญลักษณ์บนมาตรวัดจะติดขึ้น ว่าระบบกุญแจ ได้เชื่อมต่อกับตัวรถแล้ว เราถึงจะเริ่มบิดลูกบิดตรงนี้ได้ แล้วจึงค่อยบีบเบรก พร้อมกดปุ่มสตาร์ท เครื่องยนต์ถึงจะติดขึ้น ซึ่งถือได้ว่าค่อนข้าง Safe ดีทีเดียว




    ด้านเบาะนั่งยังคงให้สัมผัสคล้ายๆเดิมเหมือนกับตัว Click 125i โฉมก่อนหน้า คือช่วงให้คนขี่นั่งกว้างพอประมาณ ส่วนช่วงคนซ้อนปาดขึ้นสูงเพื่อแบ่งชั้นชัดเจน แต่ถูกบีบแคบให้เข้ากับช่วงลำตัวรถ




    และเมื่อเปิดขึ้นมาจะเห็นถังน้ำมันขนาด 5.5 ลิตร ตำแหน่งติดกับกล่อง U-Box สำหรับใส่ของจุกจิกรวมถึงถุงแกงถุงกับข้าวหรือหมวกกันน็อคครึ่งใบได้ แต่ถ้าพูดถึงหมวกกันน็อคเต็มใบ จากการที่เราได้ลองใส่ดูก็พบว่ามันมีความกว้างให้ใส่หมวกลงไปได้จริง แต่ความลึกของมันกลับมีไม่พอเลยทำให้ด้านบนของหมวกสูงขึ้นมา จนไม่สามารถปิดเบาะได้ ดังนั้น มันเหมาะที่จะเก็บของที่ไม่ใหญ่เกินไป อย่างกระเป๋าถือเป้ที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไป



    ด้านมิติรถ

    Click 150i ใหม่ มีน้ำหนักตัว 112 กก. แบบ Net Weight โดยรวมถือว่าไม่หนักเกินไป  
    ความสูงเบาะ 769 มม. ก็ถือได้ว่าปกติ ไม่สูงเกินไปกับรถแนว AT นี้ 
    และ ความจุถังน้ำมัน 5.5 ลิตร เติมเต็มถัง สามารถบิดได้ไกลทะลุ 200 กม. ได้ไม่ยาก



    ท่านั่งขี่ และการควบคุม

    ผู้ทดสอบสูง 174 ซม. นั่งคร่อมขี่ ถือได้ว่า เหยียบเต็มขาได้แบบสบายๆ ตามรถ AT สไตล์แม่บ้านทั่วไป 
    จากสไตล์ของผู้ขี่ที่ชอบนั่งค่อนไปทางด้านหน้ารถ จะพบว่า ช่วงหัวเข่าอาจจะติดๆ กับช่องเก็บของด้านหน้ารถอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะต้องค่อยๆ ปรับให้นั่งเขยิบมาเต็มเบาะมากขึ้น 
    นอกจากนี้ ผู้เขียนแอบรู้สึกว่า ตำแหน่งวางเท้าของ 2018 Click ใหม่ นี้ดู จะมีขนาดเล็กไปนิด ทำให้เวลาวางเท้า ช่วงเท้าอาจจะเกินๆ มานอกตัวรถเล็กน้อย ซึ่งถ้าจะไม่ให้ช่วงเท้าเกินมาอาจจะต้องนั่งแบบหนีบเข่าเข้ามาอีกเล็กน้อย



    ด้าน นน. ตัวที่ดูค่อนข้างเบา และ แฮนด์ที่แคบ และตำแหน่งแฮนด์ถือว่าค่อนข้างต่ำ รวมถึงหน้ารถที่เบา ทำให้ โดยรวมการควบคุมรถนั้น ทำได้รวดเร็ว คล่องตัว




    ต่อมาก็คือชุดล้อหน้าที่ดูเหมือนว่าทาง Honda จะยกเอาชุดล้อแม็กของ 2018 PCX 150 มาใส่เข้าไปจนทำให้หน้ายางใหญ่ขึ้นกว่า Click 125 มาอีกหนึ่งไซส์เป็นขนาด 90/80-14MC


    ส่วนชุดล้อหลังเองก็มีขนาด 100/80-14MC ซึ่งถือว่าใหญ่ขึ้นกว่าโฉมก่อนหน้าอีกหนึ่งไซส์เช่นกัน




    ชุดระบบเบรกหน้าเป็นแบบคาลิปเปอร์เบรก 2 พอร์ท และจานเบรกรูปทรงคลื่นมาให้เพื่อให้ตรงตามลักษณะตัวรถที่เน้นในเรื่องความเป็นสปอร์ตออโตเมติกในขณะที่ระบบเบรกหลังก็ยังคงเป็นแบบดรัมเบรกที่พ่วงระบบ Combine Brake มาให้เช่นเดิม 
    ระบบกันสะเทือนยังคงพื้นฐานเดิมคือเทเลสโกปิก หรือตะเกียบคู่สำหรับชุดหน้า



    ในขณะที่ด้านหลังเป็นแบบยูนิตสวิงทำงานคู่กับโช้กเดี่ยววางเยื้อง




    ขุมพลังเครื่องยนต์ของตัว Click 150i จากข้อมูลระบุได้ชัดเจนว่าถูกยกมาจาก PCX 150 (คาดว่าเป็นของปี 2017) ซึ่งเป็นบล็อค eSP สูบเดียว 4 จังหวะ SOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ความว้างกระบอกสูบ 57.3 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 57.9 มิลลิเมตร ขนาดความจุรวม 149.32cc แต่ทาง Honda ได้ทำการปรับปรุงชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆเล็กน้อยเพื่อให้เครื่องยนต์ลูกนี้แสดงสมรรถนะได้ตรงกับบุคลิกของ Click มากยิ่งขึ้น เช่นลิ้นเร่ง และชุดเฟืองท้าย ซึ่งจะช่วยให้อัตราทดนั้น


    จากการทดสอบในสภาวะการใช้งานจริงทั้งบนถนนทางเรียบ และถนนทางชัน ตลอดจนช่วงรถติด เราพบว่า

    ในส่วนของอัตราเร่งใกล้เคียงไม่แตกต่างจาก PCX 150 โฉมปัจจุบันมากนัก ซึ่งหากเทียบกับ PCX 150 โฉม ก่อนหน้า จะให้อัตราเร่งที่ดูจี๊ดจ๊าดกว่านี้



    ขณะท่ี่ Top Speed ผู้ทดสอบได้มีโอกาสกดไปที่ระดับ 121 กม./ชม. (ตามมาตรวัด) ส่วนนึงเป็นเพราะว่าเฟืองท้ายชุดใหม่ที่ทาง Honda ได้ออกแบบไว้ให้มีอัตราทดต่ำลงเพื่อยืดช่วงความเร็วในการใช้งานให้กว้างขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักที่อาจจะสูญเสียในเรื่องของอัตราเร่งลงเล็กน้อย



    อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดคันเร่ง ยังบิดเป็นมาอยู่ ในช่วงย่าน กลางๆ กำลังถือว่าไหลมาดี ช่วงขี่ขึ้นเขา ดอยสุเทพ จังหวะเราเปิดคันเร่งออกจากโค้ง ยังพอไปได้ มีกำลังไต่ขึ้นทางชันได้อย่างไม่เหนื่อยเกินไป ขณะที่บิดใช้งานในเมือง ถือว่ากำลังเพียงพอ ในการเร่งแซงรถที่สัญจรไปมา
    ขณะที่อัตราประหยัด ถือว่า น่าประทับใจ ในทริปนี้ ซึ่งสื่อเราบิดกันถือว่าค่อนข้างโหด เปิดคันเร่ง กระแทกกันพอสมควร รีดเค้นสมรรถนะของเครื่องบล็อกนี้ออกมา ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย คันผู้ทดสอบอยู่ที่ 42 กม./ลิตร ถือได้ว่าค่อนข้างดีกว่าที่คิดไว้



    ในส่วนของระบบช่วงล่าง ​​​​​​​  นั้น ก็ถือได้ว่า เซ็ทมาแบบเน้นใช้งานเป็นรถในเมือง แบบนั่งเดินทางได้สบายๆ เสียมากกว่า  เนื่องจาก การที่รถหน้าเบา ทำให้ช่วงความเร็วสูงๆ กว่า 100 กม./ชม. ขึ้นไป หน้าเบาอาจพบอาการส่าย ซึ่งต้องควบคุมแฮนด์ให้ดี



    ขณะที่ระบบเบรก 1 ลูกสูบ ​​​​​​​  ถือว่า ทำงานตอบสนองได้พอใช้ แต่ถ้าเป็นไปได้ แอบอยากได้ 2 ลูกสูบแบบ MSX หรือ เบรกปั๊มใหญ่แบบ PCX 150 ก็จะเบรกได้ดี มั่นใจเยี่ยมกว่านี้
    สำหรับตัว Combi Brake ถือว่า ทำงานได้ดี ช่วยกระจายแรงเบรกหน้า-หลังให้บาลานซ์กัน ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ให้น้ำหนักไป ทิ้งไว้ที่ด้านหน้า หรือ ด้านหลัง จนมากเกินไป



    สรุป รีวิว 2018 Honda Click 150i​​​​​​​
    แบบ 1st Impression ในครั้งนี้ ถือได้ว่า Mission Complete ทดสอบได้ครบทุกสภาพการจราจร และรูปแบบถนน ซึ่งนับได้ว่า A.P.Honda ได้เพิ่มไลน์อัพรถกลุ่ม AT ของตัวเองให้ มีครบไลน์ เพื่อตอบโจทย์ กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการรถ AT ที่มีกำลังเครื่องค่อนข้างแรง มีขนาดเล็กคล่องตัว น้ำหนักเบา ซึ่ง Click 150i ถือได้ว่าเข้ามาตอบโจทย์ นอกจากนี้ ก็ยังอัดเทคโนโลยีในระดับรถยนต์ อย่างตัว Keyless มาให้แบบ PCX ด้วยเช่นกัน แต่ทำตลาดในระดับราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งโดยรวมแล้ว Click 150i ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถ AT น้ำหนัก เบา ขี่คล่องตัวมาใช้งานในเมืองสักคัน


    2018 Click 150i มีให้เลือก 3 สี คือ สีเทา, สีดำ-แดง และ สีเงิน มากับราคาแนะนำ 60,200 บาท